รีวิว BNK48 Cafe และชิม 7 เมนูเครื่องดื่มที่คนนิยมสั่งกันในช่วงนี้

ด้วยความที่ชอบ BNK48 อยู่แล้ว แล้วจะพลาดที่จะมาชิมเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ BNK48 Cafe ได้ยังไง น่าเสียดายที่วันนี้ยังมีเพียงเมนูน้ำมาให้ได้ชิมและเขียนให้อ่านกันเท่านั้น ใครอยากมาชิมแบบพร้อม 100% ทุกเมนู รอวันที่ 11 พ.ค. 2561 นี้ได้เลย

BNK48 The Campus จะมีการ Grand Opening ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2561 ที่จะถึงนี้ แต่ตอนนี้ก็ได้เปิดให้บริการในส่วนของ BNK48 Cafe บางส่วนแล้วนะครับ ทำเลของ BNK48 The Campus นั้นอยู่ที่ เดอะ มอลล์ สาขาบางกะปิ ชั้นที่ 4 อยู่ตรงข้ามกับโรงหนัง ขึ้นบันไดเลื่อนด้านหลังมาแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเห็นแน่นอน บริเวณด้านหน้าใหญ่โต มีจอ LED เห็นเด่นชัด

ใครเคยไปที่ Akibahara และได้แวะไปเธียร์เตอร์ของวงพี่อย่าง AKB48 คงจะคุ้นๆกับภาพเมมเบอร์เรียงๆแบบนี้ ดีใจนะที่ได้เห็นภาพแบบเดียวกันนี้กับที่ประเทศไทยของเราเอง

ก่อนจะพาไปชิมเมนูเครื่องดื่มของที่นี่ ก็พาไปชมภาพบรรยากาศรอบๆอีกสักนิด

แวบมาแอบส่องกำแพงที่น้องๆได้เซ็นชื่อเอาไว้เมื่อในวันเปิดตัวรอบสื่อ บนกำแพงมีลายเซ็นของสมาชิกคนไหนอยู่บ้างก็ลองส่องดูนะครับ ว่าแต่ใครจำลายเซ็นโอชิตัวเองไม่ได้บ้าง จริงๆแล้วส่วนนี้เค้าก็ปิดอยู่นะครับ

BNK48 Cafe

ถึงแม้คาเฟ่ของ BNK อาจจะไม่เหมือนที่คิดก็คือเป็นห้องปิดและมีการตกแต่งห้องด้วยรูปภาพของน้องๆ แต่บรรยากาศจริงเป็นโอเพ่นเปิดให้มองเห็นได้โดยรอบ ถ้าถามด้วยความรู้สึกส่วนตัว ไม่มีข้อติอะไรทั้งนั้นครับ เพราะผมชอบในความเป็น BNK48 ดังนั้นการอุดหนุนทุกอย่างของ BNK48 ก็เหมือนเป็นการสนับสนุนในรูปแบบนึง หลายๆคนอาจจะใช้ที่นี่เป็นจุดนัดพบก่อนเข้าชม เธียร์เตอร์ ในวันที่มีการแสดงก็ถือว่าดีกว่าไม่มีจุดนัดพบ

โซนของการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มยังไม่ค่อยเรียบร้อยดีนัก ตอนนี้มีให้บริการเครื่องดื่มแล้วนะครับ แต่อาหารจานหลักยังไม่พร้อมให้บริการ เมนูน้ำมีประมาณ 15 เมนูให้เลือก ไหนๆก็มาแล้ว ผมก็เลยให้เค้าแนะนำสัก 7 เมนูที่น่าสนใจและคนมาสั่งกันเยอะในช่วงนี้มาลองชิมกันสักนิด

แหนะ รู้นะว่าหลายคนจำหน้าน้องคนนี้ได้ ในวันเปิดตัวก็มีภาพน้องเค้าหลายสื่ออยู่ อยากเจอตัวจริงก็ต้องแวะไปที่คาเฟ่แล้วละครับ

มาละครับทั้ง 7 เมนู ที่เลือกสั่งมาชิมในวันนี้ น้องๆบอกว่านี่คือเมนูที่หลายคนสั่งกันเยอะสุดในช่วงนี้

ถ้างั้นเรามาดูกันว่า 7 เมนูที่ได้มาแต่ละแก้วรสชาติเป็นแบบไหนกันบ้าง

แก้วแรก Mix Berry Soda (ราคา 120 บาท) โซดาซาบซ่าผสมกับน้ำบลูเบอร์รี่ มีรสหวานซ่า แถมด้วยผลเบอร์รี่มาให้เคี้ยวเล่นเพลินๆนิดหน่อย

แก้วที่ 2 คือ Lychee Rose Soda (ราคา 200 บาท) โซดาซ่ากลิ่นดอกกุหลาบผสมลิ้นจี่ มีรสเปรี้ยวนำมาก่อนแล้วตามมาด้วยรสหวานของลิ้นจี่ มีผลลิ้นจี่มาให้ทานเล่นด้วยเช่นกัน

แก้วที่ 3 คือ Passion Fruit Soda (ราคา 200 บาท) หรือที่เรียกว่าน้ำเสาวรส มีรสเปรี้ยวๆซ่าๆ หากใครกำลังง่วงๆให้ดื่มแก้วนี้ครับ ดื่มแล้วตาสว่างแน่นอน

แก้วที่ 4 กับเมนูที่ชื่อว่า Orange Watermelon Soda (ราคา 100 บาท) เป็นน้ำโซดาผสมกับหัวเชื้อกลิ่นแตงโม และให้ผลส้มลงไปด้วย ให้รสเปรี้ยวนิดๆ หวานตามหน่อยๆ มีกลิ่นหอมของแตงโมติดขึ้นจมูกเลยครับ

แก้วที่ 5 คือ Blue Hawaii (ราคา 100 บาท) มีใบมิ้นต์อยู่ด้านบน เมนูนี้มีรสหวานนำมาก่อนแล้วต่อด้วยรสเปรี้ยว มีกลิ่นหอมจากใบมิ้นต์อีกด้วย

แก้วนี้ถือได้ว่าเป็นเมนูยอดนิยมอันดับต้นๆครับ ชื่อว่า Iced Chocolate (ราคา 150 บาท) จะต้องเขย่าแก้วให้ช็อกโกแลตผสมกับนมก่อนนะครับ รสช็อกโกแลตเข้มข้นถึงใจ ออกหวานนิดหน่อย

และแก้วสุดท้ายที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันคือ Iced Green Tea Latte (ราคา 150 บาท) แก้วนี้ก็ต้องเขย่าให้ส่วนผสมในแก้วผสมรวมกันก่อนเช่นกัน กลิ่นของชาเขียวหอมสดชื่น มีการผสมผสานรถขมของชากับรถหวานของนมได้อย่างลงตัวพอดิบพอดี ต้องลองครับ